ปฏิทิน

< /embed>

นาฬิกา

< /embed>

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แด่ผู้เป็นลูกทุกคน..เนื่องในวันแม่


เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ ธอป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ
คุณขอบคุณเธอโดยการงอแงทั้งคืนวัน

เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ เธอสอนคุณเดิน
คุณขอบคุณเธอด้วยการวิ่งหนีเมื่อเธอเรียกหา

เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ เธอทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วย
ความรัก คุณขอบคุณเธอด้วยการโยนจานลงพื้น

เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ เธอให้ดินสอสีคุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการระบายสีบนโต๊ะอาหาร

เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ เธอแต่งชุดเก่งให้คุณเพื่อไปเที่ยว
คุณขอบคุณเธอด้วยการทำชุดเก่งนั้นเปื้อนโคลน


เมื่อุณอายุ 6 ขวบเธอเดินไปส่งคุณไปโรงรียน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกรีดร้องว่า ไม่ไป

เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ เธอซื้อบอลให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไปทำหน้าต่างของเพื่อนบ้านแตก

เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ เธอซื้อไอศกรีมให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว

เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ เธอสอนเปียโนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม

เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ เธอขับรถไปส่งคุณทั้งวัน
ตั้งแต่สนามบอล,โรงยิม,ยันงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนแต่ละคน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกระโดดออกนอกรถโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ เธอเตือนคุณอย่าดูทีวี
คุณขอบคุณเธอด้วยการรอเธอออกไปก่อน แล้วดูต่อ

เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ เธอพาคุณและเพื่อนคุณไปดูหนัง
คุณขอบคุณเธอด้วยการขอนั่งที่นั่งคนละแถว

เมื่อคุณอายุ 13 เธอแนะให้คุณตัดผมให้มันดูดี
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่าเธอไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย

เมื่อคุณอายุ 14
เธอจ่ายค่าซัมเมอร์แคมป์หนึ่งเดือนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่เขียนจดหมายหาเลยสักฉบับนึง

เมื่อคุณอายุ 15 เธอกลับบ้านหลังเลิกงาน
อยากได้กอดสักครั้ง
คุณขอบคุณเธอด้วยการล็อคห้องนอนขังตัวเองในห้อง

เมื่อคุณอายุ 16 เธอสอนคุณขับรถ คุณขอบคุณ
เธอด้วยการเอารถไปขับทุกเวลาที่คุณจะเอาไปได้

เมื่อคุณอายุ 17 เธอกำลังรอโทรศัพท์สายสำคัญ
คุณขอบคุณเธด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น

เมื่อคุณอายุ 18 เธอร้องไห้ในวันที่คุณเรียนจบมัธยม
คุณขอบคุณเธอด้วยการฉลองยันเช้า

เมื่อคุณอายุ 19 เธอจ่ายค่ากวดวิชา ขับรถไปรับไปส่ง
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกลาข้างนอกเพื่อที่จะไม่ได้อายเพื่อน

เมื่อคุณอายุ 20 เธอถามคุณว่ามีแฟนหรือยัง
คุณขอบคุณเธอด้วยการพูดว่า ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย

เมื่อคุณอายุ 21 เธอแนะนำอาชีพให้คุณสำหรับอนาคต
คุณขอบคุณเธอด้วยการพูดว่า คุณไม่อยากเป็นอย่างเธอ

เมื่อคุณอายุ 22 เธอกอดคุณวันรับปริญญา
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า
อยากได้รางวัลไปเที่ยวยุโรปสักครั้ง

เมื่อคุณอายุ 23 เธอให้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในอพาร์ทเมนต์
แห่งแรกของคุณ คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกเพื่อนๆว่า
มันช่างน่าเกลียดเสียนี่กระไร

เมื่อคุณอายุ 24 เธอพบคู่หมั้นคู่หมายของคุณและถามคุณ
เกี่ยวกับแผนการในอนาคต คณขอบคุณเธด้วยการจ้อง
มองเขม็งพร้อมพูดว่า "แม่ โปรดอย่ายุ่งกับเรื่องนี้"

เมื่อคุณอายุ 25 เธอช่วยคุณจ่ายค่าใช้จ่ายงานแต่งงานแ
สินสอด ร้องไห้และบอกคุณว่าเธอรักคุณแค่ไหน
คุณขอบคุณเธอด้วยการย้ายไปอีกฟากหนึ่งของประเทศ

เมื่อคุณอายุ 30
เธอโทรมาหาพร้อมกับแนะนำเรื่องการเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณ
เธอด้วยการบอกว่า สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

เมื่อคุณอายุ 40
เธอโทรมาเตือนความจำคุณเกี่ยวกับวันคล้ายวันเกิดญาติ
คุณขอบคุณเธอ
ด้วยการบอกว่าตอนนี้ไม่ว่างเลย

เมื่อคุณอายุ 50 เธอเริ่มชราและไม่ค่อยสบาย
ต้องการให้ดูแล
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่ามันเป็นภาระแค่ไหนที่จะต้องเลี้ยงดูเธอ

และแล้ว วันหนึ่งเธอจากไปอย่างเงียบสงบ
และทุกอย่างที่คุณไม่เคยกระทำจะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
"เรียกแม่ไปเถอะลูก เรียกตลอดทั้งคืนนะ"

เพลงแม่.. ( พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ )

ทำเว็บไซต์ ดอทคอม เป็นของตัวเอง

อยากมีเว็บไซต์ ดอทคอม กับเขา จะต้องทำอย่างไรบ้าง
"Domain Name คืออะไร ตอบง่าย ๆ ก็คือชื่อของเว็บไซต์ นั่นเอง เช่นที่นี่ ก็จะชื่อ http://www.thainuke.org เป็นต้น สำหรับท่านที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงาน นำออกมาแสดงโดยผ่านทาง อินเตอร์เน็ต ก็จะมีทางเลือกให้ 2 ทาง ทางแรกคือใช้ชื่อเว็บไซต์ ที่มีบริการแจกฟรีต่าง ๆ โดยที่จะใช้ชื่อเว็บไซต์ ที่อาจจะยาว ๆ สักหน่อย เช่น http://www.geocities.com/website หรือ http://website.myfreewebs.net เป็นต้น รายได้เสริมทำออนไลด์ผ่าน net 100% ไม่ชวน ไม่ขาย ก็ได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ สมัครที่ www.abc.321.cn

อีก ทางเลือกหนึ่งก็คือการขอจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์ของท่านเอง เช่น http://www.yourname.com ซึ่งปัจจุบัน ราคาค่าบริการ

ในปัจจุบันนี้ ชื่อของโดเมนเนม ที่เป็นที่นิยมจดทะเบียนกันมาก จะแบ่งออกเป็นหลายแบบดังนี้

.com .net และ .org เป็นนามสกุลของ domain name ที่นิยมกันและเป็นสากล
.ws .to .tv .cc .st และอื่น ๆ เป็นนามสกุลของ domain name บางประเทศ แต่นำมาเปิดให้คนทั่วไปจะทะเบียนได้
.co.th .in.th .ac.th .net.th และอื่น ๆ ที่ลงท้ายด้วย .th เป็นของประเทศไทยเรา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.thnic.net ครับ
.biz .info .name และอื่น ๆ อีก 7 ชื่อ เป็นนามสกุลที่กำลังจะเปิดใหม่ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.icann.org ครับ


สรุป สิ่งจำเป็น ในการมีเว็บไซต์ ดอทคอม เป็นของตัวเอง


ชื่อ domain name ต่าง ๆ ที่ไปทำการจดทะเบียนไว้
พื้นที่วางเว็บเพจหรือ Host ซึ่งอาจจะใช้ของฟรี หรือเสียเงินเช่าก็ได้
จากนั้น ก็ทำการตั้งให้ชื่อ domain name กับ Host รู้จักกัน ก็ใช้งานได้แล้ว


ก่อนที่จะทำการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์ สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือ หาชื่อที่ต้องการจะจดก่อน แนะนำให้ไปค้นหาที่ http://www.whois.net เพราะว่ามีการค้นหาที่ง่ายและสะดวกในการเลือกชื่อของเราด้วย เมื่อได้ชื่อที่ต้องการแล้ว ต่อไปคือการวางแผนที่จะใช้ host สำหรับฝากวางเว็บเพจ ว่าจะไปเช่าที่ไหน หรือจะใช้ของฟรีที่มีให้บริการ ก็ลองติดสินใจในจุดนี้ก่อนว่าจะเลือกอย่างไร (หากเป็นเว็บที่ทำเล่น ๆ ก็ใช้ของฟรีก็ได้ครับ เช่น hypermart.net โดยจะมี banner แถมมานิดหน่อย แต่ก็ประหยัดเงินไปได้แยะ) สิ่งแรกที่ต้องการจาก host ก็คือ Name Server และ DNS ของ host นั้น ๆ เพราะว่าค่าของ Name Server และ DNS นี้จะต้องนำไปใช้เพื่อให้ชื่อ Domain Name ของเรานั้น สามารถใช้งานได้ถูกต้อง ซึ่งถ้าหากเราเป็นเจ้าของ Domain Name แล้ว จะสามารถเปลี่ยนไปใช้ host ของที่อื่น ๆ เมื่อไรก็ได้ ตัวอย่างของ Name Server ของ hypermart.net ก็ดังนี้


Primary Server : ns1.yourhost.com IP = 206.253.222.65
Secondary Server : ns2.yourhost.com IP = 206.253.222.66

สิ่งสำคัญ หลังจากที่ทำการจดทะเบียนชื่อ Domain Name เสร็จแล้วก็คือ ชื่อที่แสดงความเป็นเจ้าของ และชื่อของผู้ติดต่อ หรือทำการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Domain Name นั้น ๆ ซึ่งจะมีอยู่ 3 แบบดังนี้

1. Administrative Contact คือชื่อเจ้าของ Domain Name
2. Technical Contact ชื่อที่ใช้สำหรับการติดต่อทางด้านเทคนิค
3. Billing Contact ชื่อสำหรับการติดต่อในการออกบิล

ถ้าเป็นการจดทะเบียนเอง ทั้ง 3 ชื่อนี้จะเป็นของเราหมด แต่ถ้าหากจดโดยผ่านตัวแทนต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้ว มักจะใส่ชื่อ Technical Contact เป็นผู้จดทะเบียน หรือผู้ที่ทำหน้าที่จัดการต่าง ๆ ให้เรา อันนั้นก็คงจะไม่เป็นไรมาก แต่ที่สำคัญคือ ชื่อของ Administrative Contact ต้องเป็นชื่อเรานะครับ ถ้าจดผ่านคนอื่นก็ต้องดูให้ดี ๆ ด้วย เมื่อเตรียมทุกอย่างได้พร้อมแล้ว ก็เริ่มต้นการจดทะเบียนได้ หากใครคิดที่จะทำการจดผ่านตัวแทนในประเทศไทย ก็คงจะง่าย เพราะว่าให้เขาจัดการทั้งหมดให้เราได้เลย และส่วนใหญ่ก็ราคาจะถูกกว่าด้วย


ถ้าหากท่านใดต้องการดูตัวอย่าง วิธีการจดทะเบียนกับที่ต่าง ๆ ลองหาดูจากหัวข้ออื่น ๆ ในเรื่อง เทคนิคการสร้างเว็บไซต์ ในรูปแบบต่าง ๆ ได้เลยครับ


Link สำหรับการจดทะเบียนชื่อ Domain Name ต่าง ๆ

http://www.netdesignhost.com
http://www.networksolutions.com
http://www.register.com
http://www.dotster.com
http://www.godaddy.com
http://www.checkdomain.com
http://www.directnic.com
http://www.internic.net
http://d-n-s.com/it8.html
http://www.whois.net
http://www.siamdomain.com
http://domainatcost.com *ของไทย 600.- บาท/ปี

Link สำหรับให้บริการ Free Hosting ต่าง ๆ ที่ใช้ชื่อ domain name ได้

http://www.domaindlx.com 15MB. ASP
http://www.freeservers.com 20MB.
http://www.freewebsites.com 50MB.
http://www.webhostme.com 20MB. ASP
http://www.virtualave.net 50MB. CGI (ต้องใช้บัตรเครดิต)
http://www.hypermart.net 50MB. CGI (ต้องใช้บัตรเครดิต)
http://www.netfirms.com 25MB. CGI

Link สำหรับให้บริการเช่า Hosting แบบเสียเงิน (บางที่ก็รับจดชื่อด้วย)

http://www.netdesignhost.com
http://www.hostdozy.com
http://www.supersavehost.com
http://www.thaihosty.com
http://www.thaihomepages.com
http://www.siaminet.com
http://www.108web.com/thai
http://www.cyberhost-th.com
http://www.numberonehosting.com
http://www.thaizone.net
http://www.ztwice.com
http://www.thaiserver.com
http://www.netcreatic.com

ที่มา thainuke.org

Tag: Hosting, Web Hosting

เข้าเรื่อง GMail ดีกว่า

เข้าเรื่อง GMail ดีกว่า

เมื่อ กูเกิ้ล เปิดตัว Gmail ในวันที่ 1 เมษายน 2547 ที่ผ่านมา GMail ซึ่งดูผิวเผิน มีลักษณะเป็นการให้บริการเว็บเมล์ทั่วๆไป เหมือนกันรุ่นพี่อย่าง Hotmail หรือ Yahoo ที่ให้บริการมานานแล้ว

เว็บเมล์ ก็คือบริการที่ให้ผู้ใช้มีอีเมล์เป็นของตัวเอง เช่น vcharkarn@hotmail.com โดยการใช้ ก็จะต้องไปที่เว็บไซท์ ของผู้ให้บริการเช่น Hotmail เพื่อนทำการล็อกอิน และการดำเนินการทุกอย่าง เช่น อ่านเมล์ ส่งเมล์ ตอบเมล์ จะต้องผ่านหน้าเว็บที่เค้ากำหนดแล้วเท่านั้น ซึ่งส่วนนี้เองที่ผู้ให้บริการ มักจะแทรก banner โฆษณาไว้ ตามจุดต่างๆของหน้าเว็บนั้น เป็นการแลกเปลี่ยนกับอีเมล์ฟรีที่เราใช้ แม้ว่าพักหลังๆ จะมีการให้บริการแปลกใหม่ขึ้น เช่น ของ Yaoo Mail ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ download เมล์ มาที่เครื่องของตนเอง ผ่าน POP3 โปรแกรม เช่น Outlook โดยไม่ต้องทำการล็อคอินที่หน้าเว็บ เป็นต้น แต่ว่าไม่วายที่เค้า จะแทรกโฆษราลงไป แต่คราวนี้ เล่นบุกรุกมาแทรกไว้ด้านล่างสุดของเนื้อเมล์ของเราซะเลย

ซึ่งมองในแง่ของผู้ใช้ก็ไม่เสียหายอะไร ดูโฆษณานิดหน่อย ไม่เป็นไรมาก ตราบใดที่เค้ายังให้เราใช้ฟรี Business Model ก็ไม่ต่างจาก ทีวี หรือ วิทยุ ที่ให้บริการฟรี แต่ก็มีโฆษณาคั่นกลาง เป็นระยๆ แต่พอ Google เปิดตัวได้ไม่เท่าไหร่ GMail ก็กลายเป็น talk of the world ไปเลย และเป็นเรื่องที่คนบนอินเตอร์เน็ตพูดถึงกมาที่สุดเรื่องหนี่ง

ก็ทำไมจะไม่เป็นอย่างนั้นล่ะครับ ในเมื่อสิ่งที่ GMail เสนอให้แก่ผูใช้บริการ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน ใน 2-3 เรื่องหลักๆด้วยกัน

อันแรกเลย เรื่องเนื้อที่ที่ GMail ให้บริการ

ก็คือ GMail ให้เนื้อที่เก็บเมล์ฟรีๆ ถึง 1000 Mbytes (1 GB) เลยทีเดียว บางคนอาจจะมองไม่ออก ว่ามันเยอะแค่ไหน ผมประมาณคร่าวๆให้เห็นภาพแบบนี้น่ะครับ ปกติเมล์นึง เมล์นึง ก็มีขนาดเฉลี่ยประมาณ 3 Kbytes (หรือ 3000 ตัวอักษร) ซึ่งถ้าเรามีเนื้อที่ 1 GB เราก็เก็บเมล์ได้ประมาณ 300000 กว่าฉบับ อย่างสบายๆ ชนิดที่เรียกว่า ไม่ต้องคิดว่าจะลบเมล์ไหนดี หรือความกังวลที่ว่าเมื่อไหร่เมล์บอกซ์จะเต็ม เรื่องนี้เลิกคิดได้เลย เพราะมันเลยเถิดจากคำว่าเหลือเฟือไปไกลเลยและล่าสุดเมื่อวันที่ 31 สค 2548 GMail ให้เนื้อที่กว่า 2.5 GB

ซึ่งเนื้อเรื่องที่มหาศาลนี้มีแต่คำชมครับ ว่ายอดเยี่ยมเป็นที่สุด ส่วนเรื่องที่ได้รับทั้งดอกไม้พร้อมกระถาง คือทั้งด่าทั้งชม นี่ก็เป็นเรื่องที่ 2 เรื่องที่ 3 นี่หล่ะครับ

เรื่องที่สอง ก็คือเรื่องของการจัดเรียงและค้นหาเมล์ และเนื้อหาภายในเมล์

หลายคนคงคิดว่า พอมีเมล์เยอะอย่างนี้ แล้วหากเราจะอ่านซ้ำ ก็คงต้องหากันเหงือตกเลยซิ ว่าเมล์ไหนเป็นเมล์ไหนเก็บไว้ที่ไหน ตั้งเป็นแสนๆเมล์

เรื่องนี้ GMail บอกว่าไม่ต้องตกใจ เพราะ เค้าจะใช้เทคโนโลยี่การค้นหาความเร็วสูงแบบ Google นั่นแหละ ในการหาเมล์เรา และที่สำคัญ เค้ามีเทคโนโลยี Data Mining ที่นำเอาอีเมล์มาจัดหมวดหมู่ตามความหมายของมัน พูดง่ายๆว่า GMail รู้ว่า เนื้อเรื่องที่คุณเขียนในเมล์ หรือ เมล์ที่มีคนส่งให้คุณเนี้ย กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ ระบบรู้น่ะครับ ระบบคือคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่คน ซึ่งมันจะประมวลผลเองอัตโนมัติจากคำศัพท์และประโยค มาตีความหมาย โดยอาศัยเทคโนโลยี Natural Language Processing แปล เป็นความหมายแล้วจัดหมวดหมู่ตามความหมาย เช่น กรุ๊ปเมล์ที่พูดถึงเรื่องกีฬา เมล์ที่พูดเรื่องการเรียน เป็นต้น

ตรงนี้เองทีเป็นจุดขายของ GMail และขณะเดียวกัน ก็เป็นจุดที่ทำให้คนคุยกัน วิเคาระห์ วิจารณ์ และโจมตี ไม่รู้จบทั่วโลก...

ดร.บุญญฤทธิ์ อุยยานนวาระ

วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ ที่ลูกทุกคนควรอ่าน‏

ตึกเซนต์หลุยมารี แผนกประถม ราวปี พ.ศ. 2539
เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น … มิสค่ะ … ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องนะคะ โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูประจำชั้น ป.4 รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะจำได้ว่านัดหมายแค่คุณแม่ท่านเดียวเท่านั้นในวันนี้
เอ… ใครละเนี่ย จะมีเรื่องอะไรรึปล่าวนะ เมื่อมาถึงห้อง ครูสาวแทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน หากแต่รูสึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว
อย่างไรก็ตาม มิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรกเข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดหมาย โดยเก็บงำความแปลกใจไว้ หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ จึงได้เชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง
… ภาพแรกที่ได้เห็นชัด ๆ ทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาบอกว่าอายเพื่อนที่แม่ใส่แขนเทียม กลัวโดนเพื่อนล้อ ว่า แม่แขนเดียว แม่เป็นหุ่นยนต์หรอ อะไรนี่นะคะ เลยไม่ได้มา น้ำเสียงคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ
มิสอุไรพร ขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม เมื่อได้ทราบความจริง ครูสาวตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องจัดการเรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่ หากปล่อยเรื่องนี้ไป… จะเป็นตราบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปภายหน้า ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนที่ล้อเพื่อนด้วย
ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก มิสอุไรพร จึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟัง เรื่องราวที่ว่านั้น ความดังนี้…
วันที่ 21 สิงหาคม 2536 หลังวันแม่ไม่กี่วัน… ครอบครัวหนึ่งเดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล ประกอบด้วย พ่อแม่และลูกชายอีกสามคน พวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคัดดินเล็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ โดยมีคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน ส่วนคุณแม่เดินตามหลังกับลูกชายคนเล็ก
ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำซึ่งมีใบพัดเหล็กสูงจากคันดินราว 25 ซม. คุณพ่อและลูกชายคนโตสองคนข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครฉุกคิดระวังถึงเหตุร้าย แต่แล้วลุกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก ถ้าเป็นพวกคุณ คุณจะทำอย่างไร …
มิส หยุดเรื่องไว้ เพื่อซักถาม มองหน้านักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น
แต่นักเรียนรู้มั้ยว่า คุณแม่ท่านตัดสินใจอย่างไร คุณแม่ไม่ยอมเสียเวลาคิดอะไรเลยท่านรีบดึงตัวลูกเอาไว้ แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดไว้ก่อน…
ใบพัดหมุนแขนของคุณแม่เข้าไป … คนงานที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบปิดเครื่องแต่แรงเฉื่อยยังทำให้ใบพัดหมุนด้วยกำลังลง … แรงเสียจนกระชากแขนซ้ายคุณแม่ ขาดสะบั้นลง !
คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันทีท้องร่องบริเวณนั้นแดงฉานไปด้วยเลือด … เลือดของแม่ …
ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็กจนกระดูกหัก แต่ไม่ขาด ไม่ขาดเพราะ… เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน .. ไม่ขาด เพราะแม้ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ มือขวาของแม่ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น … ไม่ยอมปล่อย …
คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกน เอะอะโวยวายของคนงาน พร้อม ๆ กับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช๊อกแทบสิ้นสติ … คุณพ่อรีบกระโจนพรวดเดียวถึงตัวแม่และลูกน้อย …
แต่… มันสายเกินไปแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ คือ รีบพาทั้งสองส่งโรงพยาบาลทันที ผลการรักษา คุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนที่ขาดไป ส่วนลูกชายคนเล็ก ที่ขาหักต้องพักฟื้นนานราวสามเดือน จึงสามารถเดินได้ เป็นปกติ
มิสอุไรพร กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง แล้วถามว่า นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญไหมคะ เด็ก ๆ พากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า หลาย ๆ คนยังหน้าซีดเซียว เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ตามที่ครูเล่า
มิส มองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกว่า … นักเรียนทราบไหมว่าคุณแม่ท่านนั้นเป็นคุณแนคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง ไหน ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนั้น ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ… เด็กคนนั้นยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อน ๆ ทั้งห้อง “วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้าน มิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่า พวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมาก ๆ”
มิสได้ทราบว่ามีหลาย ๆ คนไปล้อเลียนเพื่อน ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามี เราลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ
มีนักเรียน 3-4 คน ยืนขึ้น ใบหน้าของแต่ละคนรู้สึกสำนึกผิด แล้วมิสก็ถามว่า ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงมีอะไรอยากจะพูดกับเพื่อนใช่มั๊ยคะ
เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอ แล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ ครูสาวน้ำตาคลอเบ้า ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มใจ
ใครเล่า … จะเข้าใจความเจ็บช้ำ ขมขื่นในหัวใจเล็ก ๆ ของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กไม่ทันคิด
หากบัดนี้ … ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อน ๆ ได้สลายปมด้อยในใจของเขาไปจนสิ้น เหลือเพียงความรักและความภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น
เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสได้เรียกลูกชายคุณแม่ เข้าไปคุยอีกครั้ง “วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่ม้ยคะ” เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นว่า ….
“ผม… ผม จะไปขอโทษคุณแม่ แล้ว… บอกคุณแม่ว่า ผมรักคุณแม่มากที่สุดในโลกเลยครับ”
บทความที่เกี่ยวข้อง


ใกล้ถึงวันแม่แล้วลูกรัก




ครบเก้าเดือนอุ้มท้องเจ้าร้องไห้ ใคร?เจ็บเจียนขาดใจกลับไม่บ่น


เลือดทั้งกายกลั่นไหลเป็นสายปน รักเข้มข้นพันผูกให้ลูกยา


จนผ่านวันผ่านเดือนหมุนเคลื่อนคล้อย เจ้าเด็กน้อยเริ่มมีแรงเริ่มแกร่งกล้า


ค่อยสอนเดินสอนทำสอนคำจา สอนวิชาเรียนรู้ไว้คู่ใจ


จากวันนั้นถึงวันนี้หลายปีผ่าน จนวันวานเปลี่ยนสู่วัยผู้ใหญ่


ส่งเรียนสูงศึกษามหาวิทยาลัย ได้อาศัยลูกแน่ยามแก่ชรา


สู้อาบเหงื่อต่างน้ำทำงานหนัก เพื่อลูกรักได้ผ่านการศึกษา


เล่าเรียนจบจนคว้าปริญญา แม่ภูมิใจลูกมีตราปัญญาชน


มีครอบครัวอยู่เย็นเป็นฝั่งฝา คงหมดภาระใจไม่หมองหม่น


ลูกคงมีความสุขไม่ทุกข์ทน แม่คนนี้ย่างเข้าแล้ววัยชรา...


นี่ใกล้ถึงวันแม่แล้วลูกรัก.. อยากทายทักถามไถ่ได้พบหน้า


สบายดีหรือเปล่าเจ้าลูกยา สื่อภาษาความรักจากหญิงนึง


มีรูปถ่ายเก่าเก่าคลายเหงาบ้าง มีไอ้ด่างข้างกายคลายคิดถึง


ภาพลูกน้อยผ่านวัยให้รำพึง เงียบหายซึ่งข่าวคราวเจ้ากลอยใจ


นั่น...หญิงชรา แลนัยน์ตาหม่นหมองอยากร้องไห้


ฝากสายลมแสงดาวกล่าววอนไป ขอกลอยใจกลับคืนถิ่นก่อนสิ้นลม

วันแม่แห่งชาติ ทุกวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี
วันแม่แห่งชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถคือ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่ของชาติด้วย
แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน วันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ทางราชการกำหนดในวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี และถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดให้ถือว่า "ดอกมะลิ" สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่เรา


กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
-ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
- จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ
-จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
-นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่